Wonderful Trip in Germany – Austria – Prague (3)
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง……. เสียงนาฬิกาปลุกบอกเวลา 6 โมงเช้า อืม.. เข้าสู่วันที่ 3 ของการเดินทางมายุโรป (ครั้งแรก) แล้วนิน่า เวลานี่ชั่งผ่านไปเร็วอะไรอย่างนี้เนี๊ยะ รู้สึกยังนอนได้ไม่เต็มอิ่มเลยง่า ><“
เดินงัวเงีย อาบน้ำอาบท่า เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางวันนี้ค่ะ เช้านี้อากาศดี๊ดีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 2-3 องศา แถมวิวรอบๆ โรงแรมยังสวยอลังการ เลยอดใจไม่ไหวต้องขอฝ่าความหนาวออกไปถ่ายรูปด้านนอก ตอนแรกที่ส้มออกมาถ่ายรูปยังไม่มีคนออกเท่าไหร่ พอหันมาอีกทีบอกได้คำเดียวว่า “ตรึม” ทุกคนคงรู้สึกเหมือนส้มว่าภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้ามันช่างสวยอะไรอย่างงี้นะ (แต่รูปที่ส้มถ่ายอาจจะดูธรรมดาไปหน่อยนะค่ะ 🙂
หน้าโรงแรมค่ะ (เห็นเทือกเขาแอลป์อยู่ไม่ไกล)
ลมแรงมั่กๆ (จะแข็งตายเพราะลมนี่แหละค่ะ)
เช้านี้ที่แรกที่เราจะไปคือ สถานที่ละลายทรัพย์ของคนทุกเพศ ทุกวัย เราไปแวะกันที่ SWAROVSKI เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายเครื่องแก้วเจียระไนชั้นดี ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลยนะค่ะ แถมวิธีการเจียระไนให้แก้วออกมาใสกิ๊กเนี๊ยะถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดเฉพาคนในตระกูลเท่านั้นด้วย (แหม! ฟังแล้วส้มอยากเข้าไปเป็นสายสืบล้วงความลับมาขายต่อซะจริงๆ 55+)
ด้านหน้าค่ะ
ตอนที่กรุ๊ปเราไปถึงเค้ายังไม่ถึงเวลาให้บริการเลยค่ะ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราอยู่แล้ว เวลาที่ว่างระหว่างรอเนี๊ยะก็วิ่งไปถ่ายรูปมุมโน้น มุมนี้ ที่ SWAROVSKI เนี๊ยะเหมาะแก่การถ่ายรูปจริงๆ เลยค่ะ คนบ้ากล้องอย่างส้มเลยเปรมกับการสลับกันแอ็คท่าถ่ายรูปกับพี่เดือนอย่างเมามัน รู้ตัวอีกที พี่ไกด์ก็วิ่งเอาตั๋วเข้าชมมาให้แล้ว << อุ้ย! เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วเนี๊ยะ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกะใครเค้าเล้ย –“
ไจแอนท์พ่นน้ำด้วย
อยากลองเล่นอันนี้มั่กๆ แต่ไม่กล้า พี่เดือนเลยโชว์ให้ดูซะเ้่ลย
หน้าตาตั๋วเข้าด้านในจ้า
พอเดินเข้ามาด้านใน Shop ก็สัมผัสได้ถึงความอลังการของเจ้าเครื่องแก้วทั้งหลาย ที่ใครต่อใครบอกกันว่าสวยนักสวยหนามันเป็นอย่างนี้นี่เอง สวยแถมราคานี่สูงชะลูด จนคนอย่างข้าน้อยเอื้อมไม่ค่อยจะถึงเท่าไหร่ เลยทำได้เพียงมองๆ ฉันได้แต่มอง เฮ้อ…
เครื่องแก้วของ SWAROVSKI เค้าออกแบบสินค้าหลายแบบ หลายสไตล์ เอาให้ถูกใจลูกค้าทุกคน คงสมกับที่เค้ามีป้ายเขียนไว้ด้านหน้าว่า “Yes To All” จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสร้อย กำไล แหวน ของตกแต่งบ้าน หรือแม้แต่นำเศษแก้วที่เจียระไนมาประดับในดินสอ ปากกา ใครสนใจอะไรก็จับจ่า่ยกันได้ตามอัธยาศัยนะค่ะ พอทรัพย์ลอยออกไปจากกระเป๋า (เยอะบ้า่ง น้่อยบ้าง ตามแต่บุคคล) ก็ได้เวลาเดินทางต่อจ้า่
วิวด้านหลังอาคาร
คราวนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องนั่งบนรถไปอีกหลายชั่วโมง เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองซาลส์บวร์ก (SALZBURG) เมืองโรแมนติกที่มีแม่น้ำซาลซัคไหลผ่านใจกลางเมือง แถมเมืองนี้ยังเป็นบ้านเกิดของคีตกวีของโลก “วูลฟ์กัง อมาดิอุส โมสาร์ท” นั่นเองค่ะ เพลงของโมสาร์ทเนี๊ยะ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ชอบบอกว่าเอาให้ลูกน้อยฟังแล้วจะดี ไอ้เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดียังไง แต่พี่ไกด์เปิดให้ฟังบนรถก็เพราะดีค่ะ แต่พอฟังมากๆ เริ่มเวียนหัวกับเสียงโอเปร่า สงสัยหูเราไม่ถึงจริงๆ อะ่นะ ><
ถึงแล้วหน้าบ้านโมสาร์ทแล้วจ้า
ถ้าจะขึ้นไปดูพิพิธภัณฑ์ชั้น 2 ต้องเสียค่าเข้าชมด้วยนะค่ะ งั้นเราถ่ายอยู่แค่ตรงนี้พอ อิอิ
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยได้ฟังบทเพลงที่โมสาร์ทประพันธ์แน่ๆ ค่ะ อย่างน้อยคนที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง Season Change เพราอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ล่ะนะ เพราะฉากที่วงออร์เคสต้า่ร์บรรเลงเพลงตอนใกล้ๆ จบเรื่องเนี๊ยะ มีเพลงของโมสาร์ทอยู่ด้วย
ขึ้นชื่อว่าเมืองซาลส์บวร์ก เป็นบ้านเกิดของโมสาร์ทแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่เราจะเห็นทุกอย่างที่นั่นเป็นโมสาร์ท ทั้งช็อกโกแลตโมสาร์ท กระเป๋าโมสาร์ท ถุงโมสาร์ท ส้มมองมากจนจะเห็นคนในกรุ๊ปเป็นโมสาร์ทอยู่และ อิอิ ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้วก็เลยถือโอกาสซื้อช็อกโกแลตของ…โมสาร์ทไง เป็นของฝากเลยแล้วกัน
จุดเด่นของที่นี่คือ ร้านค้าทุกร้านจะมีป้ายแขวนหน้าร้าน ออกแบบสวยงามตามสไตล์สินค้าที่จำหน่าย เดินดูไปเรื่อยๆ ก็เพลินดีเหมือนกันนะค่ะ
ร้านไหนขายอะไรบ้างเอ่ย
นักท่องเที่ยวเพียบ
หลากหลายมุม (ที่นอกเหนือจากโมสาร์ท)
ระหว่างทางที่เราเดินกลับมาขึ้นรถ (หรือจริงๆ คือตอนเดินไปบ้านโมสาร์ทด้วย) เราก็ได้สัมผัสอีกหนึ่งความสวยงามของเมืองแห่งนี้ นั่นคือ ทะเลสาบมอนด์เซ ซึ่งเป็นฉากถ่ายทำตอนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง The Sound Of Music ที่โด่งดังไปทั่วโลกทั้งตัวภาพยนตร์และเพลงประกอบ ระหว่างเดินผ่านนอกจากจะถ่ายรูปเก็บไว้แล้ว ถ้าอยากไ้ด้บรรยากาศมากกว่านั้นก็ฮัมเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ตามไปด้วยก็ได้นะค่ะ (แต่อย่าอ้าปากกว้างจนเกินไป เด๋วฝรั่ง มังคุดแถวนั้นเค้าจะหาว่าเราบ้า เดินพูดคนเดียว..ส้มเตือนแล้วนะจ๊ะ อิอิ)
หุ่นเหมือนชั้นเล้ย
ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่อยากขอถ่ายรูปกับเค้า (ดูไฮโซเนอะ เหมือนมีเพื่อนต่างชาติ 55)
ที่แอบเสียดายอยู่อย่างนึงกับการมาเยือนเมืองนี้ในช่วงนี้ เพราะส้มอดเห็นความสวยงามของดอกไม้หลายสีสันในสวนมิราเิบล (Mirabell) ซึ่งพี่ไกด์บอกว่าช่วงนี้เป็นเวลาที่เค้าจะรื้อดอกไม้ออก เพื่อปลูกใหม่ในภายหลัง เฮ้อ! มันน่าเศร้าอะไรอย่างงี้เนี๊ยะ
ก๊อบท่ากันมาเลย
ทั้งกินข้าว ทั้งถ่ายรูป ทั้งนั่งฟังเพลงโมสาร์ทกันแบบเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางข้ามพรมแดนมายังสาธารณรัฐเชค ประเทศสุดท้ายของทริปนี้จ้า เรามุ่งตรงไปที่ เชลเก้ บูเดอโจวิช (Ceske Budejovice) เมืองใหญ่ที่สุดของแคว้นโบฮีเมียตอนใต้ ซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมด้วยค่ะ นักท่องเที่ยวหลายๆ คนมีความเข้าใจว่าเบียร์ที่อร่อยต้องยกนิ้วให้เบียร์ของเยอรมัน แต่ข้อมูลที่ส้มได้มาจากพี่ไกด์คือ ที่นี่ก็เป็นแหล่งผลิตเบียร์ตั้งแต่ปี 1895 แถมยังอร่อยไม่แพ้เบียร์เยอรมันอีกด้วย ไม่ว่าจะเรื่องรสชาติ หรือความหลากหลายของเบียร์ ส้มก็ไม่สามารถบอกได้ว่าที่เค้าบอกเี๊นี๊ยะมันจริงรึเปล่า เพราะไม่ได้ลิ้มลองทั้ง 2 สัญชาติ ยังไงใครที่เคยชิมมาแล้วก็มาแบ่งปันประสบการณ์กันหน่อยนะค่ะ ว่ามันจริงอย่างที่พี่ไกด์เค้าบอกรึเปล่า
ตอนไปถึงที่พักก็ค่ำ (อีกแล้วง่า) แถมคนบ้านนอกอย่างส้มยังประสบกับปัญหาปวดหัว อยากอาเจียน ขึ้นมา (ก็ดันตากฝนตอนเดินเที่ยวที่ซาลส์บวร์กน่ะสิค่ะ) เลยทำให้หมดเรี่ยวหมดแรงที่จะไปเดินชมจตุรัสกลางเมือง Otakar II Square ในยามค่ำคืน >> แต่ดันมีแรงไปสำรวจห้างสรรพสินค้าของเค้า (ก็อยากรู้ว่าบ้านเมืองเ้ค้ามีอะไรขายบ้าง มันเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมอีกแบบนะค่ะ อิอิ แก้ตัวชัดๆ จริงๆ อยากไปหาของกินน่ะค่ะ)
สำรวจตลาดในห้างของเค้าเรียบร้อย (อย่าจินตนาการห้างเค้าแบบบ้านเราเด็ดขาดนะค่ะ ไอ้แบบพารากอน สยามเซ็นเตอร์เนี๊ยะไม่ต้องคิดเลย ห้างเค้าจะประมาณซุปเปอร์มาร์เก็ตย่อมๆ น่ะค่ะ) เราก็กลับมาหม่ำอาหารเย็นที่โรงแรม เพราะร้านอาหารที่ใหญ่พอให้คณะ 60 คนอย่างเราเข้าไปทานเนี๊ยะ เมืองนี้ไม่มีค่ะ แล้วพี่คนนึงก็เล่าว่าเมืองนี้เค้าจะเงียบๆ สงบๆ 2-3 ทุ่มก็เข้าบ้านนอนกันแล้ว ถ้าเค้าเห็นคนคณะใหญ่ๆ แบบเรา (แถมเสียงที่ดังสนั่น) เค้าอาจจะตกอกตกใจคิดว่าจะไปปล้นเค้าด้วย เอ่อ! ซะงั้นอ่ะนะ
อ่อ ถ้าใครจะช็อปที่เช็กเนี๊ยะเค้าไม่รับเงินยูโรนะค่ะ (บางร้านอาจรับ) เค้ารับสกุลเงินของเค้าอย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งเป็นเหรียญยุโรด้วย อย่าหวังเลย ดังนั้น ก่อนมาที่นี่ก็แลกเงินให้เรียบร้อยไว้่ด้วยแล้วกันนะค่ะ…วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว งั้นส้มขอตัวไปนอนก่อนแล้วกันนะจ๊ะ ลืมบอกไป วันนี้เรามาพักกันที่ Gomel Hotel จากที่ไปพักมาก่อนหน้านี้ โรงแรมนี้เล็กที่สุดอ่ะค่ะ
ไปนอนก่อนนะจ๊ะ ทุกคน ไว้เจอกัน Past 4 ค่ะ ใกล้จบแล้ว เย้ๆ \^^/
ลิ๊งค์ part 4 https://www.i-som.com/?p=665
ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ www.facebook.com/ISomThailand